10 เทคนิคสู่การเป็นยอดนักขายบน Amazon.com

1. คุณต้องวิเคราะห์และประเมิน การเสิร์ชสินค้าของลูกค้า

ใน Amazon.com มีของขายมากกว่า 12 ล้านสินค้า ลูกค้าจะมองหาสินค้าโดยการเสิร์ช และเปรียบเทียบสินค้าแต่ละอัน ก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจซื้อ วิธีจัดการง่ายๆของ Amazon คือทาง Amazon อนุญาตให้ผู้ขายสามารถใส่ส่วนประกอบของสินค้า รายละเอียดหลักต่างๆลงไป ตัวอย่างเช่น Loafers and Slip-Ons > Sperry’s > Top Sider > Tan > Size จากตัวอย่างคือผู้ขายใส่รายละเอียดของสินค้า คือ วัสดุเป็นหนัง, สามารถสวมใส่ได้, ชื่อบุคคลที่คิดค้น, ตำแหน่ง,สี และขนาด

สำหรับลูกค้าก็สามารถค้นหา เป็นชื่อรุ่น ชื่อเฉพาะได้เลย เช่น AC Power Cord Cable for VIZIO LCD TV 10 feet เป็นต้น สิ่งสำคัญสำหรับผู้ขาย เวลาลูกค้าเสิร์ชหาสินค้าจะต้องมีแบรนด์ของคุณอยู่ในนั้นเสมอ ต้องแน่ใจว่าสินค้าของคุณมีข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทั่วไปข้อมูลสินค้าจะต้องประกอบไปด้วย ชื่อสินค้า, คำอธิบาย, Search term, สี และขนาด

สำหรับการขายจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องมีการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลสินค้าอย่างเป็นระบบ ผู้ขายหลายท่านเลือกใช้แอพพลิเคชันที่เรียกว่า Product Information Management (PIM) เพื่อจัดการข้อมูลสินค้า ผู้ขายในต่างประเทศหลายๆคนเริ่มใช้แอพตัวนี้ เพราะเป็นแอพที่ค่อนข้างให้ข้อมูลครบถ้วนกับผู้ขาย โดยเฉพาะผู้ขายที่ขายสินค้าในหลากหลาย Marketplace

2. กลยุทธ์ด้านราคาต้องปัง

แน่นอนว่าลูกค้าต้องอยากได้สินค้าในราคาที่ถูก คนที่เข้ามาหาสินค้าใน Amazon ก็เช่นกัน ถ้าสินค้าของคุณเป็นสินค้าทั่วไป จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณควรใช้กลยุทธ์ด้านราคา จะทำให้คุณได้เปรียบกว่าเจ้าอื่นๆ เพราะยิ่งราคาต่ำก็จะเป็นที่สนใจของลูกค้าได้ง่าย Amazon’s Match Low Price feature
ผู้ขายสามารถใช้เครื่องมือนี้ในการเปรียบเทียบ เพื่อตั้งราคาสินค้าของตนเองได้

3. รูปสินค้าต้องดูโปร

อย่าลืมว่าสินค้าบนโลกออนไลน์นจะขายได้หรือไม่ได้ รูปเป็นปัจจัยสำคัญในการที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ การมีรูปที่ดีก็ทำให้คนเชื่อมั่นและไว้ใจร้านค้าของคุณในเรื่องอื่นๆด้วย ผู้ขายสามารถดูเทคนิคการถ่ายรูปอย่างไรให้ปังบน Amazon ผ่าน Product Photography Tips

4. เราต้องพิชิตตำแหน่ง Buy Box ให้ได้

BuyBox เป็นส่วนที่ปรากฏด้านขวามือ ดังตัวอย่างรูปด้านล่าง เมื่อกดเข้าไปด้านในจะมีร้านค้าเจ้าอื่นอยู่ ทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าของคุณง่ายขึ้น ถ้าสินค้าคุณถูกกว่าเจ้าอื่น เรามาดูกันว่าเทคนิคคร่าวๆ ในการได้ BuyBox มีอะไรบ้าง

เทคนิคคร่าวๆ ที่ผู้ขายสามารถเริ่มทำ เพื่อให้ได้ BuyBox
1. คุณต้องได้คะแนน Seller Rating ที่ดี เช่น จัดส่งสินค้าถูกต้อง ตอบคำถามลูกค้าได้รวดเร็ว เราก็จะมีคะแนนเยอะกว่าคู่แข่งในสินค้าประเภทเดียวกัน
2. เปอร์เซ็นที่ได้รับ Feedback ไม่ดี ยิ่งมีน้อยยิ่งดี
3. อัตราการยกเลิกการสั่งซื้อสินค้าก่อนที่จะมีการส่ง
4. ปริมาณสินค้าที่อยู่ในสต๊อกของคุณและสินค้าที่อยู่ใน FBA(Fulfillment By Amazon)
5. ลดราคาสินค้าของคุณลง

5. คุณต้องพัฒนาประสิทธิภาพของร้านค้าอยู่เสมอ

ถ้าคุณต้องการขายสินค้าจำนวนมากใน Amazon คุณต้องคอย Monitor สินค้าคุณอยู่เสมอ นอกจากสนใจยอดขายสินค้าของคุณแล้ว คุณต้องดูด้วยว่าจำนวนการคืนสินค้ามีกี่ครั้ง แล้ว Rating ผู้ขายใน Amazon ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดการเป็นผู้ขายที่เติบโตใน Amazon อย่างแข็งแกร่งและมั่นคง

6. มีการวางแผนและบริหารจัดการสต๊อกอย่างมีระบบ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้ซื้อล้วนต้องการได้รับสินค้าที่รวดเร็ว การส่งสินค้าไปเก็บสต๊อกไว้ที่โกดังของ Amazon หรือที่เรียกว่า Fulfillment by Amazon นั้น เมื่อลูกค้าปลายทางสั่งสินค้าคุณ สินค้าจะส่งออกจากโกดังในประเทศสหรัฐอเมริกา และถึงมือผู้ซื้อได้รวดเร็วกว่าการส่งของจากประเทศไทยไปประเทศอเมริกา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเก็บสต๊อกสินค้าต้องขึ้นอยู่กับสินค้าของผู้ขายด้วย เพราะการเก็บสต๊อก ที่ Amazon FBA มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง สามารถดูรายละเอียดได้ ที่นี่

7. ทำถูกต้องตามกฎของ Amazon

สำหรับผู้ขายแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรทำตามกฎของ Amazon อย่างเคร่งครัด กฎต่างๆอาจมีการอัพเดทได้ตลอดเวลา ฉะนั้นคุณควรเข้าไปดูกฎอยู่เรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าคุณไม่ทำตามกฎ ทาง Amazon จะบล็อกบัญชีผู้ขายของคุณและบัญชีผู้ขายก็จะถูกปิดชั่วคราว สามารถดูกฎของ Amazon ได้ ที่นี่.

8. สินค้ารีวิวดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

ปกติลูกค้าเวลาจะตัดสินใจซื้อสินค้า มักจะเข้ามาดูรีวิวก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งรีวิวเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ และที่สำคัญ รีวิวเหล่านี้ผู้ขายไม่สามารถควบคุมรีวิวเหล่านี้ได้เช่นกัน ฉะนั้น ข้อความในส่วนของรีวิวคือความจริงที่ลูกค้าเขียนถึงสินค้าคุณ เป็นแหล่งข้อมูลชั้นยอดสำหรับคุณเลยก็ว่าได้ เพราะสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาสินค้าและองค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่ง หรือการให้บริการลูกค้า (Customer service) เป็นต้น
ถ้าเราต้องการให้มีรีวิว ต้องเริ่มจากการขอลูกค้าให้ช่วยรีวิวให้เราก่อน แต่ในฐานะที่คุณเป็นผู้ขาย ต้องระวังเรื่องรีวิวปลอมให้ดีๆด้วย เพราะถ้ามีลูกค้ารู้ว่าเป็น รีวิวปลอม ลูกค้าอาจกดรีพอร์ทคุณ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเป็นรีวิวปลอมจริงๆ จะเป็นหน้าที่ของทาง Amazon ที่จะจัดการสิ่งเหล่านี้เอง

9. Customer Service ต้องดีเยี่ยม

Customer Service คือการที่เราเริ่มมีการพูดคุย เรียนรู้ความต้องการของลูกค้า ถ้าเรามีการบริการที่ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าคุณ ลูกค้าก็จะซื้อสินค้าคุณต่อไปเรื่อยๆ มาดูคุณสมบัติของการมี Customer Service ที่ดีมีอะไรบ้าง
1. ตอบคำถามไว
2. ความต้องการของลูกค้าต้องเป็นที่ตั้งเสมอ
3. แก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว
4. ส่งสินค้าไปใหม่ได้รวดเร็ว เมื่อพบว่าสินค้าของคุณเกิดปัญหา ซึ่งถ้าหากใช้บริการของ FBA ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เพราะทาง FBA แพ็คและส่งสินค้าให้เราทันทีเมื่อเกิดสินค้ามีปัญหา

10. มีการจัดการสต๊อกสินค้าอย่างสม่ำเสมอ

ผู้ขายต้องมีสินค้าที่พร้อมส่งเสมอเมื่อลูกค้าสั่งซื้อเข้ามา เพราะ ถ้าสินค้าที่ขึ้นขายแล้วปรากฏว่าเราไม่มีของ เพื่อส่งให้ลูกค้า ทาง Amazon จะปิดบัญชีของคุณทันที นอกจากนี้การมีสต๊อกสินค้า ยังช่วยให้คุณมีโอกาส ชนะสินค้าจากคู่แข่งเจ้าอื่นใน BuyBox เพิ่มขึ้นอีกด้วย  คุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่.



Bitnami