ส่องเทรนด์ Amazon ในปี 2019

เวลาก็ผ่านมาเกือบจะครึ่งปีแล้ว นอกจากจะมีการขยายแบรนด์สินค้าที่เป็นแบรนด์ของ Amazon เอง เรามาดูเทรนด์ Amazon อีกครึ่งปีหลังกัน ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

1. Amazon อาจผันตัวเป็น Search Engine ในเว็บของตัวเอง

โดยปกติแล้วเวลาที่ลูกค้าเข้าไปหาซื้อของ หรือสินค้าที่ตัวเองสนใจ ก็จะเสิร์ชหาหรือเห็นโฆษณาปรากฏอยู่ เป็น Banner สินค้า ผู้ซื้อก็จะคลิกเข้าไปสำรวจดูแบรนด์ที่ตัวเองสนใจ แต่หลังๆมานี้ ลูกค้าเป็นจำนวนมากเริ่มกดเข้าเฉพาะหน้าแบรนด์แต่ละแบรนด์ ผ่าน Pop up บน Amazon ซึ่งในอนาคตทาง Amazon อาจทำ Search engine ของตัวเอง กล่าวคือ การเป็นแหล่งเสิร์ชหาแบรนด์สินค้าต่างๆ ใครอยากทราบว่าแบรนด์ไหน ทำอะไรมีเว็บไซต์เป็นอย่างไร ก็สามารถใช้ Search Engine ของ Amazon ได้

2. Amazon จะให้ความสำคัญกับเจ้าของแบรนด์ ที่เปิดร้านค้าบน Amazon

โดยปกติแล้ว Amazon จะโปรโมทร้านค้าของคุณด้วยการนำรูปร้านค้าคุณใส่อยู่ในหน้าเว็บ แต่ในอนาคต Amazon จะให้พื้นที่กับเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ขายบน Amazon มากกว่าเดิม ทำให้แบรนด์ของคุณอาจขายได้เพิ่มมากขึ้น สำหรับ Vendors ก็มี Vendors Central เหมือนกับ Seller Central บัญชีแบบบุคคลเช่นกัน

3. เริ่มขยายหน้าร้าน Amazon ในท้องถิ่นของสหรัฐมากขึ้น

หลังจากเราได้เห็นข่าวตามเว็บหรือหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการเปิดหน้าร้านสะดวกซื้อบน Amazon Go และ Amazon Book Shop เริ่มที่มลรัฐซีแอทเทิลเป็นที่แรกในอเมริกา ทำเอาฮืฮฮากันไปทั่วโลกกันเลยทีเดียว ปีนี้ Amazon จะลุยเปิดสาขาร้านสะดวกซื้อต่อตามที่ต่างๆ รวมไปถึงร้านหนังสือของ Amazon ด้วย

4. ใช้ Amazon Scout เป็นตัวเชื่อมลูกค้าเข้าสู่แพลตฟอร์ม

Amazon มี Social Media ที่คล้ายๆกับ Pinterest หรือแพลตฟอร์มแชร์รูปและ Quote ที่น่าสนใจต่างๆ แต่ Amazon Scout จะทำงานคล้ายกัน โดยใน platform นี้ Amazon ใส่รูปภาพสินค้าลงไป ผู้เข้าชมสามารถกดไลค์หรือบันทึกรูปภาพสินค้าเหล่านั้นได้ ซึ่งต่อไป Amazon ก็สามารถกระตุ้นให้คนที่มาสนใจรูปภาพสินค้า ซื้อสินค้าในภาพดังกล่าวบน Amazon ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีข้อเสียอยู่ดี Greg Mercer, CEO แห่ง Jungle Scout เล่าว่า อย่างไรก็ตามการประเมินและวิเคราะห์สินค้าของผู้ขายอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ การใช้ Keyword ทำให้สินค้าของคุณอยู่ในที่ลูกค้าจะค้นหา ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่จะทำให้สินค้าของคุณขายได้ บน Amazon

5. ข้อมูลการซื้อของลูกค้า คือศูนย์กลางของการพัฒนาต่อยอดของ Amazon

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ข้อมูลของลูกค้า คือสิ่งที่ Amazon สามารถนำมาต่อยอดได้ โดย Amazon จะทำให้ลูกค้าเข้าถึงร้านค้าบน Amazon มากขึ้น จะเห็นได้จากร้าน Amazon 4-star ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ หนังสือ Amazon จะใช้กลยุทธ์ โดยนำเอาข้อมูลการขายออนไลน์ของ Amazon ตัวอย่างเช่น หนังสือเล่มใดขายดีสุดก็จะมีป้ายติดบอกว่ายอดฮิตใน Newyork เป็นต้น และสินค้าทุกชิ้นในร้านค้า 4-star นี้ก็จะเป็นสินค้าที่ได้รีวิวดาว 4 ดวงขึ้นไปเท่านั้น นอกจากนี้ Amazon ยังใช้นโยบายในการส่งสินค้ากลับให้ใหม่ทันทีเมื่อพบว่าสินค้าของผู้ขายเกิดการชำรุด เสียหาย Nicole Leinback Reyhle Founder & Publisher at Retail Minded กล่าว

6. เพิ่มฟังก์ชั่นการโฆษณาบน Amazon มากขึ้น

เราได้เห็นการทำ Auto target กลุ่มเป้าหมายบน Amazon สำหรับสินค้าที่เป็น Sponsored products และการสลับที่วางของ Sponsored products เมื่อปลายปีที่แล้ว ในปีนี เราจะได้เห็นวีดีโอโปรโมทสินค้าทำเฉพาะเพื่อขายบน Amazon, การประเมินและวิเคราะห์การขายผ่านโทรศัพท์มือถือ และการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้ซื้อสินค้าผ่าน Amazon สำหรับร้านค้าที่สามารถปรับตัวทัน ก็จะยิ่งได้ประโยชน์จากการปรับเปลี่ยนทิศทางการทำโฆษณาบน Amazon สำหรับผู้ขายที่ยังปรับตัวช้าก็อาจประสบปัญหาในการขายสินค้าบนตลาดออนไลน์

7. เราจะเห็นอาหารเสิรมขายบน Amazon มากขึ้นได้

ต่อไปเราจะพบว่าการขายอาหารเสิรม จะเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นอย่างพวกน้ำมันบำรุงต่างๆ หรือแม้แต่อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของกัญชา จะเห็นได้ว่าหลังจากที่กฎหมายเพิ่งอนุมัติให้การซื้อขายกัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ความต้องการของตลาดก็มีเพิ่มขึ้น และคุณ Daquent Robinson ผู้อำนวยการ ETAIL, The Honest Company เล่าว่า มีโอกาสที่ Amazon อาจเข้าซื้อหรือถือหุ้นในธุรกิจสตาร์ทอัพด้านดิลิเวอร์รี่กัญชาในสหรัฐอเมริกา

8. Amazon จะมีการทำ Membership สำหรับการซื้อสินค้าหมวดเครื่องสำอางและความงาม

เราได้เห็นแบรนด์เครื่องสำอางดังๆ เข้ามาเปิดร้านค้าบน Amazon หลายร้าน จน Amazon ได้ชื่อว่าเป็น Number 1 Online Retailer ด้านเครื่องสำอางและอุปกรณ์ความงาม แต่ถึงกระนั้น Amazon ก็ยังไม่ได้ทำการเข้าซื้อธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอางเจ้าไหนเลยสักเจ้า เหมือนกับที่เข้าซื้อธุรกิจค้าปลีกด้านอาหาร หรือข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ คุณ Pamela Hemzi รองประธานด้าน E-Commerce and Digital at Laura Geller กล่าวว่า ในอนาคตอันใกล้เราจะเห็น Amazon ออกบัตรสมาชิกสำหรับลูกค้าที่ซื้อเครื่องสำอาง

9. ที่สุดแล้ว Amazon ก็อาจครองตลาด E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ในขณะที่ คุณ Chad Rubin, CEO ของ Skubana เล่าว่า เขาเห็นทิศทางตลาดของ Amazon ยังคงกระเตื้องขึ้นต่อเนื่อง และ Amazon ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 60% นอกจากนี้ บริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำไม่ว่าจะเป็น UPS และ Fedex ต่างก็ต้องพัฒนาตัวเองให้เป็นมากกว่าบริษัทขนส่งสินค้า ปัจจุบันเราก็ได้เห็น Google เข้ามามีบทบาทในการเป็น Marketplace ภายใต้ชื่อ Google Shopping Actions และแบรนด์เจ้าใหญ่ๆต่างก็ต้องปรับตัวเปิดเว็บไซต์ E-Commerce ของตัวเองเพื่อตอบรับ ความต้องการของตลาดที่มีการช็อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น



Bitnami